Friday, July 30, 2010

GBP/JPY 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

จีเจ ณ วันนี้ครับ โทษทีครับ ทำกราฟช้าไปหน่อย ราคาเกือบจะไปถึงเป้าหมายแล้ว
หลังจากราคาได้ลงมาที่ a แล้วสามารถทะลุลงไปอีกได้ ราคาเด้งขึ้นที่จุด b จุดนี้น่าจะอยู่ที่ upper line ของ Bollinger band (b1) และ fibo ตรงตำแหน่ง b2 ถ้าเกิดแท่งเทียนกลับตัวที่ตำแหน่ง b ตามรูป ราคาก็จะกลับตัวลงมาทดสอบ Low เดิมอีกครั้งถ้าผ่าน Low เดิมได้ ราคาจะไปที่ c ครับ เด๋วเรามาวิเคราะห์กันต่ออาทิตย์หน้านะครับ อาทิตย์นี้ Happy tradings ครับ Have a good trade all member

ดูด้านล่างตามรูปเลยนะครับ



ขอบคุณมากครับ
9prof

Thursday, July 29, 2010

GBP/USD 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

ไม่มีคำบรรยายครับ ดูตามรูปแล้วตัดสินใจกันเองครับ

Wednesday, July 28, 2010

GBP/JPY 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

ดูรูปกันเลยครับ ไม่มีคำบรรยายใดๆ สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับจีเจ
-------------------------------------------------------------------------------------

**30/07/2553 ( ถึงเป้าหมายที่ได้วิเคราะห์ไว้) +240 pips รอสองวัน ครับ **

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
9prof

ความหมายของข่าว

หลายคนดูข่าวใน www.forexfactory.com แต่ไม่รู้ความหมายของข่าวนั้นว่าแปลว่าอะไร ตัวเลขออกมาแล้วจะส่งผลยังไง วันนี้ผมก็เลยหาความหมายของข่าวมาให้นะครับ

ตารางข่าวเศรษฐกิจจาก ForexFactory





จากตารางข่าวด้านบน จะประกอบด้วย Date(วันที่) ,Time (เวลา), Currency(ค่าเงิน), Impact(ความแรงของข่าว) ,Actual (ตัวเลขที่ออกจริง),
forecast(ตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์) ,previous(ตัวเลขที่ออกก่อนหน้านั้น)Impact
สีแดงจะเป็นข่าวที่มีความสำคัญมากที่สุด รองลงมาคือสีส้ม และสีเหลือง
และสีข่าวจะแสดงว่าเป็นวีนหยุดของตลาดของประเทศนั้นและตัวเลขจริงที่ออก มาActual ตัวเลขที่ออกมาจะมี 3 สีด้วยเช่นกัน
คือ
สีเขียวคือข่าวดี
สีแดงคือข่าวไม่ดี
สีดำคือไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ทั้งนีี้้ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของข่าวด้วย Impact ถ้าข่าว High Impact สีแดง
และตัวเลขที่ประกาศออกมา เป็นสีเขียวหรือสีแดง ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงประมาณ 100 pips ขึ้นไป
-วิธีการเก็งกำไรจากข่าวในตาราง Forexfactory ให้รอดูตัวเลขจริง Actual ออกมาก่อนนะครับ เมื่อตัวเลขจริง(actual)ออกมามากกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลขที่คาดการณ์(forecast)ไว้จะส่งผลทำให้ดีกับค่าเงินนั้นๆ แต่ถ้าตัวเลขจริงออกมาน้อยกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลเสียกับค่าเงินนั้นๆ เช่น ถ้าข่าวของ USD ออกมามากกว่า
ตัวเลขคาดการณ์(Forecast) จะทำให้ USD / XXX ขึ้น และทำให้ XXX / USD ลง ( XXX คือ ค่าเงินของประเทศนั้นๆเมื่อเทียบกับดอลล่าห์สหรัฐ(USD)อาทิเช่น JPY CHF CAD AUD NZD GBP )
ถ้าข่าว Gross Domestic Product หรือ GDP ของอังกฤษ(GBP) ตัวเลขออกมามากกว่าที่ตัวเลขที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์เอาไว้จะส่งผลให้กราฟของ GBP/USD , GBP/JPY,GBP/CHF ขึ้น และกราฟ EUR/GBP จะลง

ระดับความสำคัญของปฏิทินเศรษฐกิจ

1. สำคัญมาก
ชื่อก็บอกอยู่ แล้วว่าสำคัญมาก ซึ่งจะเป็นข่าวและตัวเลขที่มีผลกระทบกับค่าเงินของประเทศนั้น ๆ อย่างแรง เมื่อตัวเลขประกาศแล้ว จะมีปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก ๆ ซึ่งจะส่งผลอยู่ประมาณ 5 – 10 นาที เราอาจจะได้เห็นกราฟเป็นแท่งยาว ๆ ทั้งขึ้น และ ลง ในเวลาเดียวกัน

2. สำคัญ
อันนี้ก็สำคัญ ก็จะส่งผลกระทบกับตลาดเงินมากแต่น้อยกว่า “สำคัญมาก” อยู่นิดนึง ซึ่งก็จะส่งผลให้มีกราฟยาว ๆ (แต่ขนาดของแท่งจะสั้นกว่าแบบแรก)

3. ทั่วไป
อัน นี้จะเป็นข่าวเศรษฐกิจทั่ว ๆ ไป มีผลบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง หากประกาศวันเดียวกับ 2 ตัวบน อาจจะไม่ส่งผลอะไรสำคัญเลย แต่ถ้าประกาศตัวเดียว โดด ๆ อาจมีผลบ้างโดยหากสวนทางกับ 2 ตัวข้างบนอาจทำให้ตลาดนำข่าวนี้มาเล่นได้ เพราะจะเป็นตัววัดอย่างหนึ่งว่า ตัวเลขอื่นอาจจะหลอกลวงได้


คราวนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศนั้นเกี่ยวอะไรกับราคาทองคำ

โดยปกติราคาทองคำจะขึ้นอยู่กับ

1. อัตราแลกเปลี่ยนของ USD
2. ราคาน้ำมัน
3. ราคาของโลหะพื้นฐาน และ โลหะอื่น พวก ทองแดง เงิน แพตตินั่ม พาลาเดียม
4. อื่น ๆ (ยังนึกมะออกจ้ะ)

คราวนี้ตัวเลขที่ประกาศจะกระทบกับ 2 อย่างตรง ๆ คือ อัตราแลกเปลี่ยน กะ ราคาน้ำมัน


แล้ว 2 ตัวนี้มีความเกี่ยวข้องกะราคาทองคำอย่างไร?

1. อัตราแลกเปลี่ยน โดยปกติ ถ้าไม่มีข่าวอย่างอื่น (หมายถึงพวกข่าวก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ ฯลฯ) ที่มีน้ำหนักมากกว่า อัตราแลกเปลี่ยนก็จะมีผลตรง ๆ โดยไม่มีอย่างอื่นมาทำให้ราคาเพี้ยนไปจากเดิม โดยปกติแล้ว ทองคำจะขึ้นเมื่อ USD อ่อนค่า และ ทองคำจะลง เมื่อ USD แข็งค่า
แล้วคำที่ว่าอ่อนค่า กับ แข็งค่า เนี่ย เค้าเทียบกะสกุลไหนบ้าง โดยปกติแล้วจะดูที่ 2 สกุลใหญ่ ชื่อ JPY และ EUR หากสองอันนี้ไปในทิศทางเดียวกัน ก็แสดงว่า USD อ่อน หรือ แข็งจริง ๆ จ้ะ

2. ราคาน้ำมัน จะเป็นตัวช่วยดัน หรือ ฉุด ราคาทองคำในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน


เอาละ... มาดูกันว่าโดยปกติปฏิทินเศรษฐกิจที่เค้าขยันประกาศตัวเลขกันมีอะไรบ้าง (มันอาจจะไม่ครบทุกอย่างนะ)


ระดับที่เรียกว่าสำคัญมากมีอะไรบ้าง...

ลำดับ ชื่อในปฏิทิน

1 Non farm Payrolls
2 Unemployment Rate
3 Trade Balance
4 GDP ( Gross Domestic Production )
5 PCE Price Deflator ( Personal Consumption Expenditure)
6 CPI ( Consumer Price index )
7 TICS ( Treasury International Capital System )
8 FOMC ( Federal open Market committee meeting )
9 Retail Sales
10 Univ. Of Michigan Consumer Sentiment Survey
11 PPI ( Producer Price Index )


ระดับที่เรียกว่าสำคัญ...

ลำดับ ชื่อในปฏิทิน

12 Weekly Jobless Claims
13 Personal Income
14 Personal spending
15 BOE Rate Decision ( Bank Of England )
16 ECB Rate Decision ( Europe Central Bank )
17 Durable Goods orders
18 ISM Manufacturing Index ( Institute of Supply Manager )
19 Philadelphia Fed. Survey
20 ISM Non-Manufacturing Index
21 Factory Orders
22 Industrial Production & Capacity Utilization
23 Non-Farm Productivity
24 Current Account Balance
25 Consumer Confidence ( Consumer Sentiment )
26 NY Empire State Index - ( New York Empire Index )
27 Leading Indicators
28 Business Inventories
29 IFO Business Index ( Institute of IFO in Germany )


ระดับปานกลางถึงทั่วไป โดยมากใช้เป็นตัววัดพื้นฐาน...
ลำดับ ชื่อในปฏิทิน

30 Housing Starts
31 Existing Home sales
32 New Home Sales
33 Auto and Truck sales
34 Employee Cost Index - Labor Cost Index
35 M2 Money Supply - Money Cost
36 Construction Spending
37 Treasury Budget
38 Weekly Chain Stores - Beige Book -Red Book
39 Whole Sales Trade
40 NAPM ( National Association of Purchasing Management)
กลุ่มสำคัญมาก

Trade Balance
โดยปกติประกาศทุกวันที่ 20 ของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของ 2 เดือนก่อนหน้านี้ โดยการประกาศจะบอกให้รู้ถึงทิศทางของการส่งออกและการนำเข้า ซึ่งตัวเลข Trade Balance จะสามารถคาดคะเนตัวเลข GDP ในอนาคตได้ ตัวเลข Trade Balance จะนำค่าตัวเลข Export ลบกับ ตัวเลข Import หากผลที่ออกมามีค่าเป็น + จะหมายถึงเศรษฐกิจที่ดี และมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย

Gross Domestic Product หรือ GDP
จะ ประกาศทุก ๆ สัปดาห์ที่ 3 หรือ 4 ของเดือน โดย GDP คือตัววัดที่กว้างที่สุดเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ การที่ตัวเลข GDP เปลี่ยนแปลงไปจะหมายถึงความเปลี่ยนแปลงของอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งจะบ่งบอกเกี่ยวพันถึงอัตราเงินเฟ้อ การที่ตัวเลข GDP เพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย

Personal Consumption Expenditure หรือ (PCE)
ประกาศ ทุก ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน โดย PCE จะบอกถึงการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือน โดย PCE จะบ่งบอกถึงความสามารถในการจับจ่ายของภาคครัวเรือน โดยตัวเลข PCE ที่สูงจะบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่เติบโต ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Consumer Price Index หรือ CPI
ประกาศ ทุก ๆ วันที่ 13 ของเดือน โดย CPI จะเป็นตัววัดเกี่ยวกับระดับราคาของสินค้าและบริการที่ซื้อโดยผู้บริโภค CPI ที่เห็นประกาศกันจะมี CPI กับ Core CPI ซึ่งต่างกันตรงที่ว่า Core CPI จะไม่รวม ภาคอาหารและ ภาคพลังงานโดยปกติ CPI จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงอัตราเงินเฟ้อ โดยตัวเลข CPI ที่สูงจะเป็นตัววัดเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูง ซึ่งจะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

Treasury International Capital System หรือ TICS
ประกาศ ทุกวันที่ 5 ของการทำงานในแต่ละเดือน โดย TIC จะรวบรวมข้อมูลของ US เพื่อดูว่าการลงทุนของคน US และ คนต่างชาติเป็นอย่างไรบ้าง โดยหากข้อมูล TICS เป็นตัวเลขที่สูงจะหมายถึงเศรษฐกิจของ US ที่แข็งแกร่งซึ่งมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Federal Open Market Committee หรือ FOMC
จะ ประชุมเมื่อไร ไม่มีตายตัวแน่นอน แล้วแต่เค้าจะนัดกัน โดยการประชุมจะดูภาพรวมและผลของการประชุมที่สนใจกันคือเรื่องของอัตรา ดอกเบี้ย การปรับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Retail Sales
ประกาศ ทุกวันที่ 13 ของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของเดือนที่แล้ว โดยจะวัดจากใบเสร็จของการค้าปลีก ซึ่งโดยปกติจะมองในภาพของสินค้า ซึ่งจะไม่สนใจเรื่องของบริการ และอื่น ๆ (เช่นพวกค่าเบี้ยประกัน หรือค่าทนาย) Retail Sales ที่ไม่รวมการซื้อรถ จะเรียกว่า Core Retail Sales โดยการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขการขายจะหมายถึงราคาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้หมายถึงความต้องการซื้อที่ลดลง การที่ตัวเลข Retail Sales มีตัวเลขที่สูงหมายถึงเศรษฐกิจที่ดีและแข็งแกร่ง ซึ่งมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

University of Michigan Consumer Sentiment Index
ออก ทุกวันศุกร์ที่สองของเดือน โดย Michigan Index จะเปรียบเทียบระหว่างดัชนีสองตัวคือ สิ่งที่คาดหวัง และ สิ่งที่เป็นไปจริง ๆ ถ้าสิ่งที่คาดหวังไว้และสิ่งที่เป็นจริงมีค่าใกล้เคียงกัน หมายถึงเศรษฐกิจเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่หวังไว้ ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Producer Price Index หรือ PPI
ประกาศ แถว ๆ วันที่ 11 ของเดือนซึ่งจะเป็นข้อมูลของเดือนก่อน PPI จะเป็นตัววัดราคาของสินค้าในมุมมองของการค้าส่ง PPI ที่ไม่รวมพวกอาหารและพลังงานจะเรียกว่า Core PPI ซึ่งจะถูกจับตามองมากกว่า เพราะจะมีผลกับอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจาก PPI จะเป็นตัวที่ออกมาก่อน CPI หาก PPI มีค่าสูงมักจะทำให้ CPI มีค่าที่สูงตามไปด้วย ดังนั้นการที่ PPI มีค่าสูงจะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

กลุ่มสำคัญ

Initial Weekly Jobless Claims
ประกาศทุกวัน พฤหัส จะเป็นข้อมูลของสัปดาห์ปัจจุบันรวมถึงวันศุกร์ที่แล้วด้วย ซึ่งจะบอกถึงการว่างงาน โดยปกติจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้จากข้อมูลก่อนหน้าย้อนหลังไปราว ๆ 4 สัปดาห์ แล้วมาทำเป็นกราฟ ทั่วไปแล้วหากมีความเปลี่ยนแปลงเกิน 30,000 จะเป็นสัญญาณบอกถึงการจ้างงานที่เปลี่ยนแปลงไป (อาจจะดีขึ้นหรือแย่ลง) ตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงคนว่างงานที่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

Personal Income
ประกาศ แถว ๆ วันที่ 5 ของการทำงานในแต่ละเดือน Personal Income เป็นตัววัดเกี่ยวกับรายได้ (ไม่สนว่าจะได้มาจากไหน เช่นพวก ค่าเช่า, ได้มาจากรัฐ, เงินเดือน, ดอกเบี้ย หรืออื่น ๆ) โดยตัวนี้จะเป็นตัวชี้ถึงความต้องการในการบริโภคในอนาคต (แต่ไม่เสมอไปนะ เพราะบางทีรายได้ที่มากขึ้น แต่คนอาจจะไม่จับจ่ายใช้สอยก็ได้) ตัวเลข Personal Income ที่สูงจะหมายถึงอำนาจในการซื้อและเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจน่าจะดี ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Personal Spending
ประกาศ แถว ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อนหน้า Personal Spending จะเป็นตัวเลขเกี่ยวกับรายจ่ายของบุคคล การจับจ่ายที่ลดลงจะหมายถึงรายได้ที่ลดลง ซึ่งจะทำให้กระแสเงินโดยรวมลดลง (แต่ก็เช่นเดียวกับ Personal Income บางทีการจ่ายลดลงไม่ได้หมายถึงรายได้ที่ลดลง แต่อาจจะไม่อยากจะจับจ่ายก็เป็นได้) ตัวเลขการจับจ่ายที่มากขึ้น จะเป็นสัญญาณที่บ่งว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Europe Central Bank (ECB), Bank Of England (BOE), Bank Of Japan (BOJ)
การ ประกาศตัวเลขอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ US จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้น ๆ เปลี่ยนแปลงไป โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น โดยปกติการปรับอัตราดอกเบี้ยจะคำนึงถึง 2 อย่างคือ
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (อาจจะอ่อนไป หรือแข็งไป)
- อัตราเงินเฟ้อ และเงินฝืด

ECB ประกอบไปด้วย 25 ประเทศในยุโรป คือ Italy, France, Luxembourg, Belgium, Germany, Netherlands, Denmark, Ireland, United Kingdom, Greece, Spain, Portugal, Austria, Finland, Sweden, Czech Republic, Estonia, Cyprus, Latvia, Lithuania, Hungary, Malta, Poland, Slovakia และ Slovenia

Durable Goods Orders
ประกาศ แถว ๆ วันที่ 26 ของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของเดือนก่อน โดยจะเป็นตัววัดปริมาณของการสั่งสินค้า การส่งสินค้า โดยจะเป็นตัววัดถึงภาคการผลิต ซึ่งหากว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจะส่งผลให้ปริมาณการสั่งสินค้าลดลง ตัวนี้จะเป็นเหมือนตัวบอกถึง GDP และ PDE การที่ตัวเลข Durable Goods Orders มีค่าที่มากขึ้น จะบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Institute of Supply Management หรือ ISM
ออก ทุกวันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อนหน้า ตัวนี้จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงภาคการผลิต ซึ่งรวบรวมข้อมูลอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ การสั่งซื้อสินค้าใหม่, การผลิต, การจ้างงาน, สินค้าคงคลัง, เวลาในการขนส่ง, ราคา, การส่งออก และการนำเข้า การที่ตัวเลข ISM มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจะแสดงถึงเศรษฐกิจที่ดี และสามารถทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นได้

Philadelphia Fed Survey
ออก ราว ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อนหน้า โดยการสำรวจนี้จะมองมุมกว้างในทิศทางของภาคการผลิต ซึ่งจะมีความสัมพันธ์ร่วมกับ ISM ที่มองเป็นลักษณะของการผลิตเป็นตัว ๆ ไป โดย Philadelphia Fed Survey จะบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของยุทธวิธีของผู้ผลิต ประกอบด้วย ชั่วโมงการทำงาน, พนักงาน และอื่น ๆ ซึ่งตัววัดตัวนี้มีความสำคัญมากในระบบเศรษฐกิจ การที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น

ISM Service Index หรือ Non-Manufacturing ISM
ออก ราว ๆ วันที่สามของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน ซึ่งเป็นการสำรวจของกลุ่ม การเงิน, ประกันภัย, อสังหาริมทรัพย์, สื่อสาร และ ทั่วไป การที่ตัวเลข ISM เพิ่มขึ้นหมายถึง demand ที่เพิ่มขึ้น และทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Factory Orders
ออกราว ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน Factory Order เป็นการวัดการสั่งสินค้าทั้งหมด การสั่งสินค้าที่สูงหมายถึง demand ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Industrial Production
ออกราว ๆ กลางเดือน เป็นข้อมูลย้อนหลัง 1 เดือน ซึ่งเป็นตัววัดว่าการผลิตของอุตสาหกรรมได้ผลออกมาจริง ๆ เท่าไร การที่ตัวเลขออกมาสูงขึ้นหมายถึง demand ที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Non-Farm Productivity
ออก ราว ๆ วันที่ 7 ของเดือนที่ 2 ของ ควอเตอร์ เป็นข้อมูลของควอเตอร์ที่แล้ว อันนี้เป็นตัววัดของผลงานของคนงานและต้นทุนในการผลิตของสินค้า ในสถาวะที่เงินเฟ้อมีความสำคัญตัวเลขนี้ สามารถที่จะทำให้ตลาดเคลื่อนไหวได้ โดยถ้าตัวเลขที่ลดลงสามารถบอกถึงอนาคตที่เปลี่ยนไป เช่นตัวเลข GDP ที่ดี แต่ถ้าตัวเลขนี้ขัดกันก็สามารถทำให้ตลาดมีผลกระทบได้ การที่ตัวเลข Non-Farm Productivity เพิ่มขึ้น หมายถึงการยืนยันในเรื่องของพื้นฐานของเศรษฐกิจที่ดี และส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Current Account Balance
ออก ราว ๆ วันที่ 7 ของเดือนที่ 2 ของ ควอเตอร์ เป็นข้อมูลของควอเตอร์ที่แล้ว Current Account Balance จะบอกถึงความแตกต่างของเงินสำรอง และการลงทุน ตัวนี้เป็นตัวสำคัญในส่วนของการซื้อขายกับต่างประเทศ ถ้า Current Account Balance เป็น + จะหมายถึงเงินออมในประเทศมีสูง แต่ถ้าเป็น - จะหมายถึงการลงทุนภายในประเทศเป็นเงินจากต่างประเทศมาลงทุน ถ้า Current Account Balance เป็น + ส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

Consumer Confidence
ออก ทุกวันอังคารสุดท้ายของเดือน เป็นข้อมูลเดือนปัจจุบัน เป็นการสำรวจในแต่ละครัวเรือน โดยตัวเลขตัวนี้จะมีความสัมพันธ์กับเรื่องของ การว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ และรายได้ที่แท้จริง การที่ตัวเลขมีค่าที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งค่า

NY Empire State Index
ออกทุกสิ้นเดือน โดยเป็นการสำรวจจากผู้ผลิต หากตัวเลขมีค่ามากขึ้น จะทำให้ค่าเงินแข็งค่า

Leading Indicators
ออก ราว ๆ สองสามวันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน ซึ่งจะเป็นบทสรุปของตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ประกอบไปด้วย New Order, Jobless Claim, Money Supply, Average Workweek, Building Permits และ Stock Prices

Business Inventories
ออกราว ๆ กลางเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการขายและสินค้าคงคลังจากภาคการผลิต การค้าส่ง และการค้าปลีก ตัวเลขที่สูงขึ้นของ Business Inventory หมายถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ดี ซึ่งทำให้ค่าเงินแข็งค่า

IFO Business Indexes
ประกาศ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลเดือนก่อน ซึ่งเป็นตัวที่ดูเกี่ยวกับภาคธุรกิจของประเทศเยอรมัน ตัวเลขที่สูงหมายถึงเศรษฐกิจที่ดี จะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นSeo Deep Links

Gold 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

จากกราฟราคาทองเมื่อวานนี้ได้สร้างแพทเทริน xabcd สวยงามมาก Sell @ d ใครที่ได้ Short ทองตรงนี้คงร่ำรวยกัน หลังจากที่ทองได้ร่วงแตะระดับ 1158 เมื่อคืนนี้ ราคาดีดตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย โดยความเห็นส่วนตัวของผม คิดว่าราคาอาจจะไปปรับตัวที่ บริเวณ wave 4 ถ้าผ่าน 1165 นะครับ แล้วราคาจะลงไปที่ wave 5 อีกครั้งที่ 1140 โดยประมาณ
จุดสังเกตการณ์ จุดแรก ที่ 1165 ถ้าไม่ผ่าน แล้วมีแท่งเทียนกลับตัวเกิดที่บริเวณนี้ ราคาน่าจะลงอีกครั้ง และจุดที่สอง ที่ Wave 4 และแถวๆ Resistance เทรนไลน์ เส้นแนวโน้มขาลง ดังรูปด้านล่างเลยครับ

EUR/USD 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

หลังจากที่อียูได้ทำราคาสูงสุดเมื่อคืนนี้ที่ระดับ 1.3045 ซึ่งผมถือว่ามันเป็นเวฟ 5 ของช่วงเวลา 1 ชั่วโมง และราคาปรับตัวลงมาที่่ `1.2951 ซึ่งเป็นจุด a ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปอีกครั้งหาจุด b ที่ราคา 1.3008 และในช่วงเช้านี้ราคาปรับตัวลดลงมาเรื่อยๆ โดยความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า ราคาอาจจะมาทดสอบ Low อีกครั้งที่ 1.2951 ถ้าผ่านได้จะลงมาที่ Wave C และถ้าไม่ผ่าน ราคาจะขึ้นไปหา wave b อีกครั้ง (1.3008 และ 1.3021)


GBP/USD 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

หลังจากที่เมื่อวาน จียูได้ขึ้นมาแตะระดับที่ 1.5598 ซึ่งเป็นเวฟ 5 ที่ช่วงเวลา หนึ่งชั่วโมง และในช่วงเช้านี้ ราคาปรับตัวลงมาเรื่อยๆ โดยความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า ราคาน่าจะไปที่คลื่น a ประมาณ 1.5503 และถ้าเกิด แท่งเทียนกลับตัว ณ จุดนั้น ราคาจะปรับตัวขึ้นมาอีกครั้ง ที่ b ประมาณ 1.5576 หรืออาจจะทะลุไปทดสอบ High 1.5598 อีกครั้ง ก่อนที่ปรับตัวลงมาทำ คลื่น C ดังรูปด้านล่างเลยนะครับ




ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณทุุกความคิดเห็น
9prof

Tuesday, July 27, 2010

GBP/USD 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

แนวโน้มของจียูในวันนี้ ราคาพยายามกลับไปทดสอบHigh เมื่อวานอีกครั้ง ที่ 1.5522 ถ้าผ่านได้จะขึ้นไปที่ 1.5565 ซึ่งเป็นจุด D ของฮาร์โมนิค และเวฟที่ 5 ของเวฟย่อยที่ หนึ่งชั่วโมง
ซึ่งถ้าดูจาก macd ปรับตัวลงเข้าใกล้ zero line แล้ว อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆนี้ คำแนะนำในวันนี้นะครับ ถ้าไม่ราคาไม่ผ่าน Zone 1.5522-1.5565 แล้วมีสัญญาณการกลับตัวจากแท่งเทียนให้เปิด Sell ได้เลยครับ ดังรูปด้านล่างครับ


ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
9prof

EUR/USD 1 Hours anylysis(Elliot wave+Harmonic)

นี่เป็นแนวโน้มของวันนี้ครับ ทุกคนลองดูตามรูปเลยนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ

ที่จุด D หรือ คลื่นห้าของเวฟย่อยที่ช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง จะอยู่ที่ High 1.3025 และ fibo161.8%(1.3070)
ตรงนั้นจะเป็นจุด Sell ที่ ตำแหน่ง D นะครับ ถ้าวิเคราะห์ตามฮาร์โมนิค เด๋วพวกเรามาติดตามผลกันวันนี้เลยครับ ว่าจะไปทางไหน
ขอบคุณครับ
9prof

EUR/USD Dailly Analysis

แนวต้านของอียูในวันนี้อยู่ที่ 1.3000 ถ้าผ่านได้จะไปทดสอบ High 1.3030 และแนวต้านด้านบนที่ 161.8% (1.3070) ถ้าไม่สามารถผ่านได้ ราคาจะกลับลงมาอีกครั้ง ดังรูปด้านล่างครับ

Monday, July 26, 2010

วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของ EUR/USD

จากกราฟ EUR/USD เป็นกราฟวันนะครับ จากรูปจะเห็นว่ารูปแบบของกราฟเป็นแบบ Wedge ลิ่ม แนวต้านอยู่ที่ เส้นด้านบน ที่ประมาณ 1.3122 ซึ่งเป็นแนวต้านของ Fibonacci ถ้าไม่ผ่านแนวต้านนี้ เป็น wave 5 สมบูรณ์

วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของ GBP/USD

วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของ GBP/USD
1. วิเคราะโดยใช้ ฮาร์โมนิคแพทเทริน ถ้าราคาไม่ผ่าน 1.5500-1.5530 เปิดออเดอร์ Sell กันได้เลยครับ แล้วทาเก็ตอยู่ที่ 1.4800 ดังรูปครับ


2.วิเคราะห์โดยใช้รูปแบบหัวไหล่กลับหัว(Reverse Head and Shoulder) ถ้าราคาไม่สามารถผ่าน 1.5500-1.5530 ราคาจะกลับลงมาหาไหล่ขวาอีกครั้ง ( Right Shoulder) ก่อนที่จะกลับตัวขึ้นไป ดูรูปด้านล่างครับ



3. วิเคราะห์โดยการนับคลื่น Elliot wave ผมวิเคราะห์อิเลียตเวฟแบบคร่าวๆนะครับ เพราะผมก็มีความรู้ด้านนี้น้อยมาก แค่รู้หลักการ แต่ไม่ได้เจาะลึกมากมาย แต่จะพยายามครับ รายละเอียดตามรูปเลยนะครับ ส่วนเวฟย่อยๆ เด๋วผมจะทำให้ใน Time Frame เล็กๆนะครับ


แลกเปลี่ยน แสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ เพื่อนๆมีความเห็นยังไง แสดงความคิดเห็นได้เลย แนวโน้มที่ผมวิเคราะห์ เป็นกราฟใหญ่ อย่างน้อยๆ ราคากว่าจะไปถึงก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า หนึ่งเดือนครับ

ขอบคุณมากๆครับ
9prof

Sunday, July 25, 2010

ตัวอย่างการทำกำไรจากฟอเร็กจากเงิน 5$ เป็น 20480$ ภายใน 1 ปี

ตารางการทำกำไรจากเงินฟรี จาก Marketiva จาก 5$ เป็น 20480 ภายใน หนึ่งปี คุณก็สามารถทำได้ หากทำตามแผนนี้



จากตาราง เป็นแผนการทำกำไรภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเราเริ่มจาก 5 เหรียญ ที่ได้มาฟรีๆจาก Marketiva แถวที่สองเป็นจำนวนจุดต่อเดือน แถวที่สามคือ จำนวนจุดต่อวันและแถวที่สี่เป็นเปอร์เซนต์ของเงินลงทุนของเรา ซึ่งถ้า % เงินลงทุนน้อย จำนวนจุดต่อวันก็จะมาก แต่ถ้า % ของเงินลงทุนเยอะ จำนวนจุด ที่ต้องการต่อวันก็จะน้อยลง ซึ่งก็มีความเสี่ยงมากกว่าด้วยยกตัวอย่างนะครับ เราจะเล่นที่ 5 % ของทุน คือ 0.25 เหรียญคงที่ตลอดระยะเวลา 1เดือนเราต้อง ทำกำไรวันละ 100 จุด (pips) และต้องทำให้ได้ 2000 จุด ภายใน 1 เดือน และทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อครบกำหนด 1 ปี เราก็จะมีเงิน 20480 เหรียญ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากโดยที่เราจะต้องสามารถควบคุมอารมณ์และความโลภของเราให้ ได้และศึกษาการใช้เครื่องมือต่างๆ ในการเข้าเทรด เพียงแค่นี้เราก็สามารถทำเงินก้อนใหญ่ได้จากฟอเร็กซ์แล้ว

การใช้ Trend Line

Trendline เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้บอกแนวโน้ม(Trend) การกลับตัวของกราฟ(Reversal Chart) แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Trendline) เทรนไลน์เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เทรดเดอร์บางคนใช้แค่เทรนไลน์เพียงอย่างเดียวก็สามารถทำกำไรจากตลาดได้
เรามาดูวิธีใช้กันเลยดีกว่าครับ
1.ไปที่ Insert >>> Line แล้วเลือก Trendline ขึ้นมา
2.จากนั้นนำเทรนไลน์มาลากบนกราฟ โดยลากจากจุดแรกไปยังจุดสอง โดยกดเม้าท์ค้างไว้ ลองดูนะครับ


Uptrend คือราคาขึ้นไปเรื่อยๆ และไม่สามารถลงมาทะลุเส้นเทรนไลน์ที่ขีดไว้ได้
Down Trend คือราคาลดลงมาเรื่อยๆ และไม่สามาถกลับขึ้นไปทะลุเส้นเทรนไลน์ที่ขีดไว้ได้
Sideway Trend คือ ราคาเคลื่อนที่อยู่ในช่วงแคบๆ สวิงขึ้นลง ไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน (ไม่ควรเทรด)

วิธีการเก็งกำไรโดยใช้เทรนไลน์เพียงอย่างเดียว
1. Buy เมื่อราคาทะลุเส้น DownTrend Line ขึ้นไป และราคาต้องสร้าง แนวโน้มขาขึ้นก่อนหนึ่งช่วง คือ Low ใหม่ ต้องสูงกว่า Low เก่า ดังรูปด้านล่าง
เมื่อราคาลงมาที่ X แล้วขึ้นไปที่ A เพื่อสร้างแนวโน้มขาขึ้น แต่ไม่สามารถผ่าน DownTrend Line ราคาลงมาอีกครั้งที่ตำแหน่ง B แต่ทำราคาต่ำ สูงกว่าจุด X จากนั้นราคาดีดตัวขึ้นไปในครั้งนี้ ราคาทำ High สูงกว่ายอด A ซึ่งจะบอกเราว่า เทรนกำลังจะเปลี่ยน เพราะราคาสามารถทะลุเส้นแนวโน้มขาลง (DownTrend Line ) ด้วย จากนั้นให้เรา ลากเส้น UpTrendline ลากจากจุด X มาเทียบกับจุด B ถ้าราคาปรับตัวลงมาจากจุด C แล้วลงมาหา จุด D แล้วไม่สามารถผ่านเส้น Uptrend Line เส้นแนวโน้มขาขึ้นได้ ให้เปิด Buy ได้เลยครับ

2.Sell เมื่อราคาทะลุเส้น UpTrend Line ลงมา และราคาต้องสร้างแนวโน้มขาลงก่อนหนึ่งช่วง คือ High ใหม่ ต้องต่ำกว่า High เก่า ดังรุป ครับ


จากรูปด้านบนเราจะเข้า Sell เมื่อราคาทำ XABCD เสร็จสมบูรณ์ครับ Sell ที่ตำแหน่ง D
ผมหวังว่าวิธี้นี้คงทำกำไรให้กับทุกคนนะครับ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ ติชมกันได้ ข้อเสีย ข้อด้อย ของระบบนี้ ติชมกันได้ครับ
ขอบคุณมากครับ

การใช้เครื่องมือต่างๆในโปรแกรมเทรดMT4

ในหัวข้อนี้ผมจะรวบรวมวิธีใช้เครื่องมือต่างๆในโปรแกรมเทรดMT4 ให้เพื่อนๆได้ลองศึกษากันนะครับ

London Forex Rush System

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมขอแนะนำระบบเทรด หรืออาจจะเรียกว่า Strategy กันก็ได้ เพราะระบบนี้ค่อนข้างจะไม่ได้ใช้อินดิเคเตอร์กันเลยทีเดียว ง่ายๆ เทรดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็เห็นผล หลายคนคงปวดหัวกับการนั่งดู นั่งเฝ้ามองดูว่า อินดิเคเตอร์ มันจะตัดกันหรือยัง วิธีนี้อาจจะช่วยเพื่อนๆให้สร้างกำไรได้ สำหรับผมเอาใช้ระบบนี้ เมื่อมีสัญญาณที่ชัดเจน
หลักการของระบบนี้ ผมจะอธิบายแบบคร่าวๆนะครับเพื่อนๆ มีคู่มือให้ดาวโหลดกันในท้ายบทนี้นะครับ มีดูกันเลย ว่าระบบนี้มีหลักการยังไงกันบ้าง
1.ระบบนี้เล่นแบบ Open Range Breakout คือหาราคาต่ำสุดและสูงสุดของตลาดโตเกียวก็คือในช่วงเช้าบ้านเรา เพราะว่าตลาดในช่วงเช้าจะไม่ค่อยผันผวนมากนัก จะวิ่งในกรอบราคาแคบๆ
2.ระบบนี้ใช้เล่นกับค่าเงิน GBP เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีทั้งหมด 6 คู่เงิน ได้แก่ GBP/USD GBP/JPY GBP/CHF GBP/CAD GBP/AUD และ GBP/NZD เหตุผลที่เลือกค่าเงิน จี ก็เพราะว่า มีการเคลื่อนที่ ที่เร็ว ผันผวนมาก ซึ่งระบบนี้เหมาะกับค่าเงิน GBP ที่สุด
3. การเข้าออเดอร์ Long เมื่อราคา ทะลุ High ของช่วงตลาดโตเกียว และเข้าออเดอร์ Short เมื่อราคาทะลุ Low ของช่วงตลาดโตเกียว
4.การตั้ง Stop Loss ทำได้ หลายวิธี แต่ผมขอยกวิธีนี้มาให้ใช้ ตั้ง Stop loss ของ Long ที่ราคา Low ของ ตลาดโตเกียวต่ำลงไปอีก 5 จุด และตั้ง Stop Loss ของออเดอร์ Short ที่ราคา High ของตลาดโตเกียวสูงขึ้นไปอีก 5 จุด ( อาจจะงงนะครับ เด๋วดูรูปกัน แล้วจะร้อง อ๋อ !!! )

มาดูวิธีเซตกราฟกันเลยครับ
1. ดาวโหลดระบบเทรดนี้ที่นี่ ระบบเทรดนี้จะมี 2 ไฟล์ คือ File Indicators และ Template ให้เราไฟล์
LondonForexRush.ex4 และ MarketTrend.ex4 ไปใส่ไว้ใน My Computer >> Disk C >> Programfiles >>> Instatrader(แล้วแต่ว่าท่านเลือกใช้ Mt4 ของโบรกเกอร์ไหนนะครับ) >>> Experts>>Indicators แล้ว Paste เลยครับ
ต่อจากนั้นก็ไปเอา File Templates ที่มีอยู่ไฟล์เดียวชื่อ LondonForexRush.tpl ไปเก็บไว้ที่ My Computer >> Disk C >> Programfiles >>> Instatrader(แล้วแต่ว่าท่านเลือกใช้ Mt4 ของโบรกเกอร์ไหนนะครับ) >>>Templates แล้ว Paste เลยครับ
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เปิดโปรแกรมเทรด MT4 ขึ้นมาครับ
2. เลือกค่าเงิน GBP ทั้งหมด 6 คู่กันก่อนเลยครับ ได้แก่ GBP/USD GBP/JPY GBP/CHF GBP/CAD GBP/AUD และ GBP/NZD เลือก Time Frame 1H นะครับ ทุกกราฟ
3.เมื่อเลือกกราฟทั้งหมดหกกราฟแล้ว ขยายหน้าจอให้เต็มจอ โดยการกด F11 หรือไปที่ View >> Full Screen เพื่อให้กราฟดูใหญ่
4.คลิกขวาที่ Chart แล้วเลือก Template จากนั้นเลือก London Forex Rush
5.จากนั้นไปที่ แท็บ Window ที่โปรแกรม MT4 แล้วเลือก Tile Vertically จะได้กราฟทั้งหมดดังรูปด้านล่างครับ


เราจะได้กราฟทั้งหมดกราฟ หก กราฟ ให้กราฟจะมีเส้นขีดสองเส้น ขนานกับกราฟ เส้นสองเส้นนี้แหระครับ คือ High และ Low ในช่วงตลาดโตเกียว และแท็บข้างล่างที่เป็นสี คืออินดิเคเตอร์ที่บอกเทรน

การเข้า Buy และ ตั้ง Stop Loss ทำได้ดังนี้ครับ

เข้า Buy ( Long) เมื่อราคาทะลุ High และตั้ง Stop Lossตามภาพโดยเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาดครับ

การหาราคาเป้าหมาย
1.ผมจะหาราคาเป้าหมาย(Target) โดยใช้ Fibonacci วัดจาก Low ถึง High ของตลาด แล้ว Set Tp แรกไว้ที่ 161.8% ของราคา Fibonacci แต่ถ้าราคาทะลุและไปต่อ ก็จะตั้ง Trailling Stop ไว้ที่ 20 pips
2. กำหนดตายตัวไปเลย ว่าจะเอากี่จุด แต่ Risk Reward Ratio ควรจะเป็น 1:1 เสีย 50 จุด ก็ต้องได้ 50 จุดเช่นกัน
เลือกเอานะครับ จะตั้งทาเก็ตแบบไหน ดังรูปด้านล่างครับ หาเป้าหมายโดยใช้ Fibonacci


การเข้าออเดอร์ Sell และ ตั้ง Stop Loss ทำได้ดังนี้ ครับ
เราจะ Sell(Short) เมื่อราคาทะลุโลด้านล่าง และตั้งสต๊อบลอสไว้ที่ราคาสูงสุดบวกไปอีกห้าจุดหรือไม่ก็ตรงกลาง ขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาด
วิธีการหาเป้าหมายของราคาใช้ไฟโบแนซซี่เหมือนเดิมครับ เป้าหมายแรกที่ 161.8% เป้าหมายที่สอง 261.8% เป้าหมายที่สามที่ 423.6% ตามรูปด้านล่างเลยครับ



หวังว่าระบบนี้คงทำให้ทุกท่านมีกำไรจากตลาดฟอเร็กนะครับ Have a good Trade
ขอขอบคุณ Al Russel LondonForexRush

Saturday, July 24, 2010

กฏ 24 ข้อ เพื่อทำกำไรในตลาด

กฏ 24 ข้อ เพื่อทำกำไรในตลาด

นักค้าต้องมีกฏเกณฑ์ในการปฏิบัติที่ แน่นอนและต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด กฏเกณฑ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้ ได้รวบรวมจากประสบการณ์ 45 ปี ในตลาดหุ้นของ นายวิลเลี่ยม ดี แก้น ซึ่งเป็นที่เชื่อว่า หากใครสามารถปฏิบัติตามได้ก็จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น

1. จำนวนเงินลงทุน ต้องพอดีและจงแบ่งเงินลงทุนเป็นสิบส่วน เท่าๆกัน ในการซื้อขายแต่ละครั้ง อย่าลงทุนซื้อหรือขาย เกินหนึ่งในสิบของเงินลงทุน
2. ใช้คำสั่ง STOP ORDER ควรป้องกันการลงทุนโดยการตั้ง STOP ORDER 3-5 ช่วงต่ำกว่าราคาที่ซื้อ หรือ สูงกว่าราคาที่ขาย
3. อย่าซื้อหรือขายเกินตัว เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนกฎเกี่ยวกับจำนวนเงินลงทุนในข้อ 1
4. อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน หลังจากที่ท่านมีกำไร 3 ช่วงหรือมากกว่านั้น จงยกระดับ STOP ORDER ให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันมิให้ขาดทุน
5. อย่าเริ่มก่อนแนวโน้ม ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ:ตามแผนภูมิของท่าน
6. เมื่อสงสัย ให้ออกจากตลาดและอย่าเข้าตลาดถ้ายังสงสัย
7. ซื้อขายเฉพาะหุ้นที่มีการซื้อขายมาก อย่ายุ่งกับหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวช้าหรือแน่นิ่ง
8. จงกระจายความเสี่ยง ซื้อขายหุ้นอย่างน้อย 4 ถึง 5 บริษัท ถ้าเป็นไปได้อย่างลงทุนจนหมดตัวในหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
9. จงอย่าใช้ราคาเฉพาะ ทั้งการซื้อและการขาย จงใช้ราคาตลาด
10. อย่าขายหุ้นทิ้งโดยไม่มีเหตุผลที่ดี จงใช้ STOP ORDER เพื่อป้องกันกำไรหดหาย
11. จงสะสมกำไร หลังจากที่ท่านประสบความสำเร็จและมีกำไรติดต่อกันหลายๆ ครั้ง จงสำรองกำไรส่วนนี้ไว้ต่างหากเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินหรือตอนที่มีการตื่น ตระหนก
12. อย่าซื้อ เพียงแต่เพื่อจะเอาเงินปันผล
13. อย่าเฉลี่ยการขาดทุน เพราะนี่เป็นความผิดที่เลวร้ายที่สุดที่นักค้าหุ้นไม่ควรทำ
14. อย่าออกจากตลาด เพียงเพราะว่าท่านหมดความอดทนหรือเข้าตลาด เพียงเพราะว่าท่านไม่อยากรอ
15. จงหลีกเลี่ยง การขายเพื่อเอากำไรแต่น้อยและอย่าปล่อยให้ขาดทุนมาก
16. จงอย่ายกเลิกคำสั่ง STOP ORDER ที่ท่านสั่งตอนที่ท่านซื้อขายหุ้นนั้น
17. จงหลีกเลี่ยง การเข้าและออกจากตลาดบ่อยเกินไป
18. จงพร้อมที่จะขาย เช่นเดียวกับซื้อและยึดวัตถุประสงค์ในการทำกำไรให้แน่วแน่
19. จงอย่าซื้อ เพียงเพราะราคาต่ำและอย่าขายเพียงเพราะคิดว่าราคาสูง
20. จงระวังการพีระมิดในจังหวะที่ผิด จงรอจนกระทั่งเริ่มมีการซื้อขายมากและระดับราคาได้วิ่งขึ้นผ่านระดับต้านทาน ก่อนที่จะซื้อเพิ่ม และรอจนกระทั่งราคาได้วิ่งตกต่ำกว่าระดับจำหน่ายจ่ายแจกก่อนที่จะซื้อเพิ่ม ขึ้น
21. เมื่อซื้อ จงสะสมหุ้นในบริษัทที่มีจำนวนทุนจดทะเบียนน้อย และ ถ้ายืมหุ้นคนอื่นมาขาย จงยืมหุ้นในบริษัทที่มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนมาก
22. อย่าป้องกันการขาดทุน ในหุ้นที่ซื้อมาโดยการยืมหุ้นจากคนอื่นมาขายไปก่อน จงขายหุ้นที่ซื้อมาไปในราคาตลาดและยอมรับการขาดทุนเพื่อคอยโอกาสครั้งต่อไป
23. อย่าเปลี่ยนสถานภาพการลงทุน (POSITION) ในตลาดโดยไม่มีเหตุผลที่ดี เมื่อท่านตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นแล้ว จงให้โอกาสตัวเองตามเหตุผลที่ดีบางประการหรือตามแผนที่กำหนดไว้ อย่าขายหรือซื้อจนกว่าจะมีสัญญาณบอกว่าแนวโน้มได้เปลี่ยนทิศทาง
24. จงหลีกเลี่ยงการเพิ่มพอร์ท หลังจากที่ประสบความสำเร็จและมีกำไรมาเป็นเวลานาน


เมื่อ ท่านตัดสินใจที่จะซื้อขายหุ้น ท่านต้องแน่ใจว่าท่านไม่ได้ฝ่าฝืนกฏข้อใดข้อหนึ่งข้างต้น ซึ่งเป็นกฏที่จำเป็นต่อความสำเร็จของท่าน หากท่านขายหุ้นไปโดยมีการขาดทุน จงทบทวนกฏข้างต้นใหม่และพิจารณาดูว่าท่านได้ทำผิดกฏข้อใด แล้วอย่าทำผิดเป็นครั้งที่ 2 ประสบการณ์และการพิจารณาอย่างรอบคอบจะทำให้ท่านเชื่อคุณค่าของกฏเหล่านี้ การสังเกตและการศึกษาจะนำท่านสู่วิธีการที่ถูกต้องเพื่อ ความสำเร็จและกำไรในตลาดหุ้น
ขอขอบคุณที่มา : http://www.kenstock.net

E-Book แนะนำให้อ่าน

E-Book แนะนำสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนครับ
ภาษาไทย

1. คู่มือการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดย คุณสุรชัย ไชยรังสินันท์ ท่านได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของกราฟ(Chart Pattern) รูปแบบของแท่งเทียน(Candlestick Pattern) อินดิเคเตอร์ต่างๆ(Indicators) ไฟโบแนซซี่(Fibonacci) รวมขั้นความรู้ขั้นสูงอย่าง อิเลียตเวฟ(Elliot Wave) อีกด้วย ดาวโหลดที่นี่
---------------------------------------------------------------------------------------

2. คู่มือ Technical Analysis โดย Taladhoon.com รวบรวมเทคนิคไว้มากมายอาทิเช่น รูปแบบการกลับตัว รูปแบบต่อเนื่อง รูปแบบแท่งเทียน อินดิเคเตอร์ ดาวโหลดที่นี่
---------------------------------------------------------------------------------------

ภาษาอังกฤษ

3. Practical Fibonacci Method For Forex Trading วิธีการใช้ ไฟโบแนซซี่ในการเทรดฟอเร็ก หนังสือเล่มนี้ อธิบายว่า ไฟโบแนซซี่คืออะไร สอนวิธีใช้ไฟโบแนซซี่เพื่อหาแนวรับแนวต้านที่ระดับต่างๆ และหาจุดออกจุดเข้าโดยใช้ไฟโบแนซซี่ ดาวโหลดที่นี่
---------------------------------------------------------------------------------------

4. Reading Price Charts Bar By Bar การอ่่านกราฟจากแท่งเทียน หนังสือเล่มนี้อธิบายได้ละเอียดมากๆ วิธีการดูแท่งเทียน การเข้า ออก และกลยุทธิ์การทำกำไรในรูปแบบต่างๆ ดาวโหลดที่นี่
----------------------------------------------------------------------------------------

พูดคุยยิ้มและหัวเราะ Happy Tradings


Get your own Chat Box! Go Large!


Dear Friends

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ 9professionaltrader.blogspot ครับ มีข้อสงสัย หรือคำถาม สามารถสอบถามได้ ถ้าผม 9prof ไม่อยู่หน้าจอ ยังมี ประชาสัมพันธ์สาวสวย (nana) น้องใหม่ไฟแรง (เต๋าสุดหล่อ) และผู้มากด้วยประสบการณ์ทั้งหุ้นและฟอเร็กซ์(พี่ อี๊ด เฒ่าทารก)ครับ สามารถช่วยตอบคำถามเพื่อนๆได้ครับ

Best Regards
9prof

We Voice Station สถานีเพลงออนไล์ 24 ชั่วโมง ,, Radio Online ,, สถานีเพลง 24 ชั่วโมง ฟังเพลง 24 ชั่วโมง ฟังเพลงสบายๆ 24 hr. ฟังเพลงเพราะๆ ทั้งวัน ฟังวิทยุออนไลน์ไม่มีวันหยุด 24 ชั่วโมง สถานีเพลง 24 ชั่วโมง วีว๊อยสเตชั่น

Friday, July 23, 2010

Forex Brokers Review

Wednesday, July 21, 2010

Black King Indicators


ระบบนี้ใช้ได้กับทุกค่าเงิน(all Currency) และทุกเวลา (All Time Frame) แต่เจ้าของระบบแนะนำให้ใช้กับ GBP/USD . EUR/USD , GBP/JPY และ GBP/CHF ใช้กับ time frame 30 นาที และ 1 ชั่วโมง
-เครื่องมือและอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในระบบนี้
1.Heiken Ashi Bar ( Price Average Bar) ใช้เพื่อบอกสัญญาณออกให้กับเรา เพื่อป้องกันการหลอกจาก อินดิเคเตอร์
2.SMA 5 ใช้สองเส้น โดยที่ Apply high , และ Apply low ใช้เพื่อดูรูปแบบ Flat (ลักษณะของกราฟที่ขนานราบไปกับพื้น ) ซึ่งเป็นสัญญาณที่อันตรายมาก อาจจะไปทางใดทางหนึ่ง
3.Trader Dynamic Index ทั้งหมดที่อยู่ในอินดิเคเตอร์ตัวนี้ จะบอกถึงแนวโน้ม การแกว่ง ความผันผวน ของตลาด นอกจากนี้ยังใช้ดูเวลาในการเข้าเทรดและออกจากออเดอร์
4.QQE เป็นอินดิเคเตอร์รอง ที่ใช้ในการดูสัญญาณเข้า-ออก อีกที

Trader Dynamic Index ประกอบด้วย
1. Relative Strength Index ( RSI Price Line ) เส้นสีเขียว
2.Trade Signal Line เส้นสีแดง
3.Market Base Line เส้นสีเหลือง
4.Volatility Band เส้นสีน้ำเงิน ใช้บอกช่วง(range)การขึ้นลงของตลาด

การเข้าซื้อ (Buy entry)
1.เส้นราคา RSI ตัด และยืนอยู่เหนือ เส้น Market Base Line และ เส้น Trade Signal Line จากข้างล่างขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50-68 และเป็นกำลังจะเปลี่ยนเป็นเทรนขึ้น
2. Heiken Ashi ต้องเป็นสีเขียวและต้องปิดบนช่อง SMA 5
3. SMA 5 ต้องมีแนวโน้มขึ้น มีความชันเป็นบวก
4. QQE Alert value 1 ตัด QQE Alert value 3 จากด้านล่าง
อาจจะพิจาณาที่จะทำการเข้า ถ้า RSI ตัด Volatility Band ขึ้นไปข้างบน แต่ก็ต้องเตรียมตัวออก เมื่อราคาวิ่งลง

การขาย ( Sell entry)
1. เมื่อ RSI ตัดกับเส้นและอยู่ด้านล่างเส้น Market Base line และ Trader Signal Line อยู่ระหว่าง 32-50 และกำลังเป็นเทรนลง
2.Heiken Ashi เป็นสีแดงและปิดต่ำกว่าช่อง Sma 5
3. ช่อง SMA 5 กำลังจะเป็นเทรนลง
4.QQE Alert value 1 ตัดกับ QQE Alert value 2 จากด้านบน
อาจจะพิจารณาที่ทำการเข้า ถ้าRSI ตัด Volatility Band ลงมา แต่ก็ต้องเตรียมปิด เมื่อราคาขึ้น

การปิดออเดอร์ Buy
เลือกเอาข้อใดข้อหนึ่ง
1.แท่ง Heiken Ashi Bar สั้นกว่าแท่งก่อนหน้านั้นมากๆ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
2. แท่ง Heiken Ashi ปิดอยู่ในช่องของ SMA 5
3.เส้น RSI กำลังจะตัดกับเส้น Trade Signal Line จากด้านบน หรือไม่ก็ มันจะอยู่เหนือระดับ 68
4.QQE Alert value 1 กำลังจะตัด QQE alert value 3
5. ออเดอร์ บวกมากกว่า 50-100 ก็ปิดได้เลย

การออกจากการ Sell
เลือกเอาข้อใดข้อหนึ่ง
1. แท่งHeiken Ashi Bar สั้นกว่าแท่งก่อนหน้านี้ มากๆ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวไปเลย
2. แท่ง Heiken Ashi กำลังจะปิดอยู่ใน ช่อง SMA 5
3. เส้น RSI กำลังตัดเส้น Trade Signal ด้านล่าง หรือไม่ก็ มาอยู่ที่ระดับ 32
4. QQE alert value 1 กำลังจะตัด QQE alert value 3
5. ออเดอร์ บวกมากกว่า 50-100 ก็ทำการปิดเอากำไรได้เลย

ขอขอบคุณ Black King ที่พัฒนาระบบเทรดนี้ขึ้นมาให้กับพวกเราชาวเทรดเดอร์

Money management สิ่งสำคัญเพื่อการบริหารพอร์ท Forex ให้ได้กำไร

ทำไม Money management ถึงสำคัญ เพราะเราต้องการที่จะทำกำไร เราต้องเรียนรู้การบริหารจัดการเงิน แต่คนส่วนมากได้มองข้ามมันไป

Trader หลายคน เทรดโดยที่ไม่มีหลักการ และดูแค่ว่าสามารถเสียได้เท่าไรในการเทรด 1 ครั้ง แล้วก็เทรดเลย อย่างนี้ค้าเรียกว่าการพนันไม่ใช่ การลงทุน

ถ้า คุณเทรดโดย ไม่ใช้ Money management นั้น มันก็เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่นพนันอยู่ คุณไม่ได้มองการลงทุนระยะยาว คุณกำลัง รอ jackpot การบริหารเงินไม่เพียงช่วยเราป้องกันเงินทุน ยังสามารถทำมีกำไรในระยะยาวอีก แต่ถ้าคุณยังคิดว่าการเล่นแบบรอ jackpot เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เรามาดูตัวอย่างกัน

Casino หรือ เจ้ามือ คนเหล่านี้ เก่งเรื่อง สถิติ เค้ารู้ว่าระยะยาวแล้ว เจ้ามือจะเป็นคนได้เงิน ไม่ใช่นักพนัน ถึงจะมีคนถูกรางวัล Jackpot เป็นเงินก้อนโต แต่ก็จะมีนักพนันอีกมากกว่าร้อยที่ไม่ถูก Jackpot แล้วเงินเหล่านี้ ก็จะเป็นของเจ้ามือ

อันนี้เป้นตัวอย่างที่ทำให้เห็นวา สถิติ สามารถ สร้างกำไรได้เหนือกว่า การพนัน
ในทางสถิติ หรือ เจ้ามือ ในกรณีนี้รู้ว่าจะควบคุมความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างไร ถ้าทำได้ คุณก็จะมีกำไร

ทีนี้คุณจะทำยังไงถึงจะเป็น นักสถิติที่ดีได้ ไม่ล้มเหลว

Money management นั้นสามารถทำกำไร ได้ในระยะยาว
ถ้า ไม่ใช้กฎของ Money management จะเกิดอะไรขึ้นเรามาดูตัวอย่าง

สม มุตรว่าคุณ มีเงินอยู่ $10000 และคุณเสียไป $5000 คุณเสียไปทั้งหมดกี่เปอร์เซนต์ คำตอบคือ 50 เปอร์เซนต์ แล้วคุณต้องทำกี่เปอร์เซนต์
เงิน $5000 ของคุณ ถึงจะกลับไปเท่าเดิมคือ $10000 คุณต้องทำถึง 100 เปอร์เซนต์ ไม่ใช่ 50 เปอร์เซนต์ เค้าเรียกว่า Drawdown จะเห็นว่ามันน่าหงุดหงิดมาก เพราะมันง่ายมากในการเสียไป แต่ได้กลับคืนมาเท่าเดิมนั้น ยากกว่า ซึ่งผู้อ่านคงไม่คิดที่จะเสีย เทรดเดียว 50 เปอร์เซนต์ ผมหวังว่าเป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเทรดเสีย 3, 4 หรือ 10 เทรดติดกันล่ะ มันดูเหมือนจะเกิดได้ยากถ้าคุณคิดว่าคุณมี trade system ที่มีเปอร์เซนต์ชนะ 70 เปอร์เซนต์ ดังนั้นคุณไม่มีทางเสีย ติดต่อกันได้ถึง 10 ครั้ง ถ้าคุณคิดว่าคุณมี Trade system ที่ดี ในการเทรด Trade system ที่ทำ profitable ได้ 70 เปอร์เซนต์ ดูเหมือนเป็น system ที่ดีมาก แต่มันไม่ได้หมายความว่า ใน100 เทรดคุณจะชนะ 70เทรด
คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่า 70 ใน 100 เทรดจะชนะ คุณไม่มีทางรู้ได้ คุณ อาจจะเสีย 30 เทรดแรก แล้วไปชนะ 70 เทรดที่เหลือ ซึงยังให้ผลที่ 70 เปอร์เซนต์ แต่คุณก็คงเสียหายหนัก

จากตัวอย่างจะทำให้รู้ว่า Money management นั้นสำคัญ ไม่ว่าคุณจะมี Trading System ดีสักเท่าไร แต่ก็ต้องมีที่คุณเสีย เหมือนผู้เล่น Poker มืออาชีพ ถึงเค้าจะเล่นเสียครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายเค้าก็จะจบด้วยกำไร

ผู้เล่น Poker เก่งๆจะฝึกฝน Money management เพราะเค้ารุ้ว่าไม่สามารถชนะได้ทุกเกมส์ เค้าจะเล่นด้วยจำนวนเงินที่น้อย จากเงินทั้งหมดที่เค้ามี มันสามารถทำให้เค้ารอดพ้นจากการเสียครั้งใหญ่ได้ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำในฐานะ trader เทรดใน เปอร์เซนต์ที่น้อยจากจำนวนเงินที่มีทั้งหมด เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
เมื่อคุณฝึกฝน และ เคร่งครัดกับ Money management คุณ จะเปลี่ยนจากนักพนัน กลายเป็นเจ้ามือ ที่จะทำกำไรได้ระยะยาว

รูปตัวอย่าง ความแตกต่างระหว่างคนที่เล่นเปอร์เซนต์น้อย และคนที่เล่นโดยใช้เปอร์เซนต์สูง

คุณจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันมากระหว่าง การเล่น 2 เปอร์เซนต์เมื่อ เทียบกับ 10 เปอร์เซนต์ ของเงินทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง ถ้าคุณเสียติดต่อกัน 19 ครั้ง
การลงด้วยเงิน 10 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสีย 85 เปอร์เซนต์จากเงินทั้งหมด !!!!
แต่การลงด้วยเงิน 2 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสียแค่ 30 เปอร์เซนต์ของมาจิ้นเท่านั้น
แต่ มันคงเกิดขึ้นได้ยาก งั้นมาดูแค่การเสีย 5 ครั้งติดต่อกัน ถ้าคุณลง 2 เปอร์เซนต์คุณจะมีเงินเหลือ 18447 แต่ถ้าคุณลง 10 เปอร์เซนต์ จะเหลือเงินแค่ 13122 ซึ่งจะมากกว่าการเสีย ติดต่อกัน19 ครั้งของ การลง 2 เปอร์เซนต์ซะอีก!!!

จุดประสงค์ที่ยกขึ้นมานี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า การใช้ Money management เมื่อตอน drawdown คุณยังมีเงินทุนเหลือพอที่จะเล่นต่อไป คุณลองคิดว่าถ้าคุณเสีย 85 เปอร์เซนต์ของเงินทั้งหมด คุณต้องทำให้ได้ 566 เปอร์เซนต์ของเงินที่เหลือ เพื่อให้เท่าทุน คุณคงไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น

อันนี้คือตาราง ที่ จะทำให้คุณรู้ว่าจากการ ขาดทุน คุณต้องทำเท่าไรถึงจะเท่าทุน

คุณจะเห็นว่า ยิ่งเสียมากมันก็ยากที่จะ ทำให้มันกลับมาเท่าทุน นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องใช้ Money management

Risk to reward
เป็น การเทรดที่ อัตราส่วนอยู่ที่ 3 ต่อ 1 คือ Winner trade ต้องมากกว่า 3 เท่าจาก looser trade ถ้าเทรด แพ้ และ ชนะ สลับกัน
Profitable trade จะอยู่แค่ 50 เปอร์เซนต์ แต่เรามีกำไร นะครับ


ขอขอบคุณที่มา http://www.thaiforextrading.blogspot.com
Credit : http://www.babypips.com/school/money_management.html
แปลโดย Golink

แนวโน้มของ อียูในวันนี้


Pivot: 1.2835.

Most Likely Scenario: LONG positions above 1.2835 with 1.2985 & 1.3025 as next targets.

Alternative scenario: The downside breakout of 1.2835 will open the way to 1.2775 & 1.275.

Comment: the pair remains in a short-term bullish channel.

แนวโน้มของจียูในวันนี้


Pivot: 1.5310.

Most Likely Scenario: SHORT positions below 1.531 with 1.52 & 1.515 in sight.

Alternative scenario: The upside penetration of 1.531 will call for a rebound towards 1.537 & 1.54.

Comment: the pair is challenging its intraday bearish channel resistance & the 30-min RSI is capped by a declining trend line.

แนวโน้มของราคาทองคำในวันนี้


Pivot: 1180.00

Most Likely Scenario: LONG positions above 1180 with 1193 & 1200 as next targets.

Alternative scenario: The downside breakout of 1180 will open the way to 1175 & 1170.

Comment: the price has struck against its key support @ 1175 and should post a new up leg.

Trend: ST Consolidation; MT Bullish

แนวโน้มของราคาน้ำมันดิบในวันนี้


Pivot: 76.25

Most Likely Scenario: LONG positions above 76.25 with 78 & 79 in sight.

Alternative scenario: The downside penetration of 76.25 will call for 75.5 & 74.75.

Comment: the contract is supported by a rising trend line.

Trend: ST Ltd upside; MT Range

Tuesday, July 20, 2010

แนวโน้มของ อียูในวันนี้


Pivot: 1.2955

Most Likely Scenario: Short positions below 1.2955 with targets @ 1.2775 & 1.2715 in extension.

Alternative scenario: Above 1.2955 look for further upside with 1.3025 & 1.307 as targets.

Comment: the pair is escaping from its bullish channel.

แนวโน้มของจียูในวันนี้


Pivot: 1.5245

Most Likely Scenario: Short positions below 1.5245 with targets @ 1.5075 & 1.505 in extension.

Alternative scenario: Above 1.5245 look for further upside with 1.531 & 1.535 as targets.

Comment: the RSI is bearish and calls for further downside.

แนวโน้มของราคาทองคำในวันนี้


Pivot: 1185.00

Most Likely Scenario: SHORT positions below 1185 with 1175 & 1170 as next targets.

Alternative scenario: The upside penetration of 1185 will call for 1193 & 1200.

Comment: the price broke below its support and should face further weakness as the RSI is on the downside.

Trend: ST Consolidation; MT Bullish

แนวโน้มของราคาน้ำมันดิบในวันนี้


Pivot: 76.00

Most Likely Scenario: LONG positions above 76 with 77.4 & 78 as next targets.

Alternative scenario: The downside penetration of 76 will call for a slide towards 75.5 & 74.75.

Comment: the contract is supported by a rising trend line.

Trend: ST Ltd upside; MT Range

การติดตั้ง Indicators ลงบนโปรแกรมเทรด MT4

หลายๆคนคงได้รับไฟล์ .ex4 , .mq4 แต่ไม่รู้ว่าไฟล์นี้ใช้กับโปรแกรมอะไร ไฟล์สกุลเหล่านี้ ใช้กับโปรแกรมเทรด Mt4 ซึ่้ง Indicators ที่เราเพิ่มเข้าไปจะอยู่ในส่วนของ Custom Indicators
มีขั้นตอนดังนี้
1. เข้าไปดาวโหลด Indicators , Scripts , Expert Advisors ได้ที่เว็บเหล่านี้ www.forex-tsd.com , www.forexfactory.com ,www.forexmt4.com
2. ยกตัวอย่าง ผมจะโหลด Indicator ที่ชื่อ cci_cross_new.mq4 ในเว็บ forexmt4 จากนั้นทำการดาวโหลดมาเก็บไว้ที่ Disk ของเรา


3.จากนั้นให้ไป Copy file ที่ได้ Download ไว้ มาไว้ที่
My Computer >>> Disk C >>>Program file >>Insta trader(ขึ้นอยู่กับว่า เลือกใช้โบรกเกอร์ไหน ) >>> Experts>>>> Indicators จากนั้นก็ทำการ วาง (paste) File ไว้ที่ Indicators








Note : การโหลดไฟล์ Template (.tpl) ก็เอาไปใส่ไว้ที่ Templates ไฟล์ Scripts ก็เอาไปใส่ไว้ใน Scripts เช่นเดียวกัน
3. เมื่อทำการติดตั้ง Indicators เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ปิด โปรแกรมเทรด Mt4 ไปก่อน แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง
4.จากนั้นไปที่ Custom Indicators หรือไปที่ Insert >>> Indicators >>> Custom Indicator >> แล้วเลือก Indicator ที่เราได้ทำการติดตั้งไว้ (ในที่นี้ผมติดตั้ง Indicators ที่ชื่อว่า cci_cross_new )



เสร็จสมบูรณ์สำหรับการติดตั้ง Indicators ลงบนโปรแกรมเทรด MT4
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน
ขอบคุณครับ

แนวโน้มของ อียูในวันนี้


Pivot: 1.2930.

Most Likely Scenario: LONG positions @ 1.294 with 1.3 & 1.307 in sight.

Alternative scenario: The downside penetration of 1.293 will call for a slide towards 1.2875 & 1.2825.

Comment: the pair remains in a bullish channel. The upside breakout of 1.30 will trigger a bullish acceleration towards 1.3070 initially.

แนวโน้มของราคาทองคำในวันนี้


Pivot: 1188.00

Most Likely Scenario: SHORT positions below 1188 with 1178 & 1175 in sight.

Alternative scenario: The upside penetration of 1188 will call for 1193 & 1200.

Comment: the price broke below its support and should face further weakness as the RSI laks upward momentum.

Trend: ST Consolidation; MT Bullish

แนวโน้มของจียูในวันนี้


Pivot: 1.5210.

Most Likely Scenario: LONG positions @ 1.522 with 1.5305 & 1.534 in sight.

Alternative scenario: The downside breakout of 1.521 will open the way to 1.5165 & 1.5145.

Comment: the pair is bouncing of its 50% retracement area of the last up move. Intraday technical indicators are calling for further advance.

แนวโน้มของราคาน้ำมันดิบในวันนี้


Pivot: 76.00

Most Likely Scenario: LONG positions above 76 with 78 & 79 as next targets.

Alternative scenario: The downside breakout of 76 will open the way to 75.5 & 74.75.

Comment: the RSI advocates for further advance.

Trend: ST Ltd upside; MT Range