Monday, July 12, 2010

เรียนรู้ สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อจะเป็นคนที่เก่งที่สุด

วอเร็น บัฟเฟตต์
หากคุณนำเงิน 10,000 เหรียญไปลงทุนกับ วอเร็น บัฟเฟตต์ เมื่อตอนที่เขาเริ่มลงทุนกับหุ้นในปี 1956 เงินทุนของคุณจะมีมูลค่าสุทธิหลังจากหักค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย และภาษีแล้วในวันสูงถึง 300 ล้านเหรียญ ความสำเร็จอันน่าทึ่งของบัฟเฟตต์ ยิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษเพราะเขาไม่ได้ถือครองสิทธิบัตรใดๆ ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่หรือการค้าปลีกแนวใหม่หรือแม้แต่เริ่มทำธุรกิจของ ตนเองเลย เครื่องมือที่เขาใช้ซึ่งทุกคนในโลกทุนนิยมก็สามารถนำไปใช้ได้ก็คือ การมีวินัยที่เคร่งครัดและยึดมั่นในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าอย่างเหนียวแน่น ข่าวดีจากชายที่เคยสร้างมูลค่าเงินลงทุนกว่า 100 พันล้านเหรียญ (และยังคงสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก) ก็คือ ไม่มีความลับหรือเคล็ดลับในการสร้างความมั่งคั่งในการลงทุนในธุระกิจของคน อื่น ซึ่งรับประกันได้ว่า คุณกสามารถสร้างความมั่งคั่งได้และสามารถส่งต่อความมั่งคั่งไปยังรุ่นต่อไป ได้โดยใช้วิธีและหลักการเดียวกัน
เรียนรู้สิ่งทีดีที่สุดเพื่อจะเป็นคนเก่งที่สุด
วอเร็นบัฟเฟตต์ศึกษาศาสตร์ทุกแขนงที่ดีที่สุดจากทุกประเทศ เขาเล่นกอล์ฟกับ ไทเกอร์ วู้ดส์ เล่นเทนนิสกับมาร์ตินา นาฟาร์ติโลวา และเล่นบริดจ์กับ ชารอน ออสเบิร์ก แชมป์โลกสองสมัย เขาจะพูดคุยเรื่องการเพาะกายและการเมืองกับ อาร์โนล ชวาซาเนเกอร์ เรื่องดนตรีกับ จิมมี่ บัฟเฟตต์ เรื่องการผลิตภาพยนต์กับเดบบี้ เรย์โนล และเรื่องการรเต้นรำกับไมเคิล ฟลาเลย์ ส่วนบิลล์ เกตส์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาก็คงถกเถียงเรื่องความก้าวหน้าและอนาคตของ เทคโนโลยี ซีอีโอที่เก่งที่สุดในโลกมารวมตัวกันเพื่อต้องการฟังคำแนะนำจากวอเร็น บัฟเฟตต์ทุกครั้งที่มีโอกาส นักการเมืองจะแวะเมืองโอมาฮาเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากเขา ประธานาธิปดี สมาชิกสภานิติบัญญัติสมาชิกตุลาการ แม้แต่ประธานกรรมการธนาคารกลาง ต่างยินดีที่จะได้พบเขาในงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีในเดือน มกราคมที่อัลฟาคลับใน วอชิงตันดีซี และกิจการที่ถูกซื้อโดยบริษัทของวอเร็นจะถือว่าการถูกซื้อนั้นเป็นเกียรติ
อันที่จริงวอเร็นเพียงแต่จะศึกษาสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ปัจจุบันเขาได้สร้างบริษัทในเครือขึ้นเพื่อให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าจากวงการบันเทิง กีฬา ความสำเร็จในการทำธุรกิจ ความมั่งคั่ง ความสามารถ และผู้บริหารกิจการ บริษัทเน็ตเจ็ทส์ของบัฟเฟตต์ให้บริการเครื่องบินเช่าแก่ผู้ที่มีฐานะ มากกว่า 5000 คน และที่ดีที่สุดคือการให้บริการมากกว่า 240000 เที่ยวบินต่อปีในกว่า 140 ประเทศ ซึ่งเน็ตเจทส์กล่าวว่าใครก็ตามที่มีฐานะหรือมีสินทรัพย์สุทธิ 20 ล้านเหรียญหรือมากกว่า ไม่สามารถจะมีวิถีชีวิต ความมั่นคง ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการซื้อสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเครื่องบินเจทส์ของเขา หนึ่งลำ ซึ่งเปรียบเทียบได้เท่ากับการมี Air Force One (ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิปดีของสหรัฐอเมริกา) โดยไม่ต้องลงชิงตำแหน่งประธานาธิปดี
พิธีกรรายการทอล์คโชว์ทางวิทยุ ดอนไอมูส และรายการทีวีภาคดึก เดวิค เลทเทอร์แมน มักจะคุยโม้เกี่ยวกับเครื่องบินเน็ตเจ็ทส์ของพวกเขา ซึ่งไม่เพียงแต่นักกีฬา นักแสดงและนักดนตรีเท่านั้น แม้แต่ผู้นำทางศาสนาและที่ปรึกษาของประธานาธิปปดีสหรัฐอเมริกาต่างก็ประทับ ใจในบริการที่ยอดเยี่ยมของพวกเรา แม้แต่ GE กิจการที่ใหญ่ทีสุดในโลกก็ซื้อสิทธิ์ในเน็ตเจทส์หลายสิทธิ์เพิ่มเติมจาก เครื่องบินของตนเองที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเครื่องบินในเวลาทีต้องการเพื่อไปร่วมประชุมให้ทัน เวลาด้วยต้นทุนการใช้งานที่แท้จริง แต่ไม่ใช่การเป็นเจ้าของประเภทซื้อสิทธิ์แล้วได้กรรมสิทธิ์ในเครื่องบินนั้น
สุดยอดนักลงทุน พิสูจน์ว่า วอเร็น บัฟเฟตต์ ศึกษาเรียนจากคนที่เก่งที่สุด
วอเร็นศึกษาสิ่งที่ดีที่สุดในด้านกรลงทุนเช่นเดียวกัน (เหมือนที่คุณกำลังทำ ด้วยการศึกษาจากวอเร็น บัฟเฟตต์) เขาสังเกต เรียนรู้ บรรยายและเขียนบทความเกี่ยวกับนักลงทุนที่เก่งที่สุดที่ยึดหลักการลงทุนแบบ เน้นคุณค่า ในฐานนะที่เป็นศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ วอเร็นเรียนรู้จากการวิเคราะห์หลักทรัพย์กับศาสตราจารย์ เบน เกรแฮม และเดวิด ดอดด์ ในปี 1984 ซึ่งเป็นงานฉลองครบรอบ 15 ปีของหนังสือ Security Analysis ฉบับสุดท้ายที่เขียนโดยเบนเกรแฮมและดอดด์ วอเร็น บัฟเฟตต์ได้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ “The Superinvestors Of Graham And Doddsville” นักลงทุนระดับสุดยอดแห่งหมู่บ้านแกรแฮมและดอดด์วิลล์
วอเร็นกล่าวว่า สุดยอดนักลงทุน (คนกลุ่มเล็กๆที่สามารถทำกำไรได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดติดต่อกันเป็นเวลา หลายปี) ที่อ่าน เข้าใจ และปฏิบัติตามหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าซึ่งกล่าวไว้ในหนังสือ Security Analysis ล้วนแล้วแต่มาจากสังคมปัญญาชนเกรแฮมและดอดด์วิลล์
เขามักจะเชื่อและพิสูจน์มันด้วยสุนทรพจน์เสมอว่า ผู้ที่ปฏิบัติตามหรือเป็นคนในชุมชนเกรแฮมและดอดด์วิลล์ จะประสบความสำเร็จและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลตอบแทนที่โดดเด่นด้วยการลงทุนในหุ้นที่แตกต่างกัน บัฟเฟตต์ยืนยันว่าโดยเฉลี่ยแล้วนักลงทุนรายย่อยสามารถจัดพอร์ตโฟลิโอได้ดี กว่าตลาดโดยรวมตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามหลักการของเกรแฮมและดอดด์ หรือลงทุนแบบเน้นคุณค่า นักลงทุนสามารถทำได้โดยการนำหลักการและวิธีการเดียวกันกับววอเร็นบัฟเฟตต์ ใช้ ไปปรับใช้โดยไม่ต้องลงทุนให้หุ้นเดียวกัน
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ซึ่งบัฟเฟตต์ไช้อธิบายการลงทุนทุกประเภทาศาสตร์และศิลป์ที่จะซื้อสินทรัพย์ มูลค่า 1 เหรียญ ในราคา 50 เซนต์ วอเร็นไม่เพียงแต่กำหนดลักษณะและการตั้งชื่อเมืองสุดยอดเกรแฮมและดอดด์วิล เขายังเป็นประชาชนคนแรกและเป็นผู้นำ(นายกเทศมนตรี) โดยชอบธรรมของชุมชนอีกด้วย และปัจจุบันมี ลูชิมป์สันเป็นรองนายกเทศมนตรี
ดังนั้นหากวอเร็น บัฟเฟตต์ศึกษาสิ่งที่ดีที่สุดในทุกๆด้าน ไม่เพียงแต่การบริหารการลงทุน ก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลเช่นกันหากคุณต้องการจะเป็นนักลงทุนที่เก่งกว่านักลง ทุนทั่วไป คุณก็ควรจะศึกษาเรื่องราวของวอเร็น บัฟเฟตต์ และเรียนรู้จากคนที่เก่งที่สุด
สร้างความมั่งคั่งมูลค่าสูงกว่า 100 พันล้านเหรียญ
เพื่อที่จะเข้าใจวิธีประสบความสำเร็จสูงสุดในการสร้างความมั่งคั่งของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ลองพิจารณาจากเรื่องนี้ หากนำเงินที่ได้ 1 ล้าน เหรียญไปลงทุนทุกๆปี โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 10 % เป็นเวลา 48 ปีครึ่ง จำนวนเงินนี้จะเท่ากับ 1 พันล้านเหรียญซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ มาตรฐานของคนทั่วไป แต่วอเร็น บัฟเฟตต์ ทำเช่นนี้ให้กับผู้ถือหุ้นถึง 66 เท่า และ 36 เท่าสำหรับตัวของเขาเอง หรือมากกว่า 100 เท่าตลอดช่วงเวลา 50 ปีในอาชีพการลงทุนของเขาและยังดำเนินต่อไป ชาลี มันเจอร์ หุ้นส่วนของเขากล่าวว่า “อายุยิ่งมากขึ้น วอเร็นก็ยิ่งทำได้ดีขึ้น”
บัฟเฟตต์ปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นของเขาเหมือนเป็นหุ้นส่วน ความมั่งคั่งของบัฟเฟตต์สร้างขึ้นหรือเกิดขึ้นจากผู้ถือหุ้น แต่ไม่ใช่จากต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายของพวกเขา บัฟเฟตต์สร้างความมั่งคั่งให้หุ้นส่วนเช่นเดียวกับที่เขาสร้างความมั่งคั่ง ให้กับตัวเอง ให้กับครอบครัวของเขา และที่สุดก็สร้างประโยชน์ให้แก่โลก เพราะวันหนึ่งในอนาคตความมั่งคั่งของเขาจะกลายเป็นเงินทุนให้แก่มูลนิธิที่ ใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 1962 เมื่อ บัฟเฟตต์มีทรัพย์สินมูลค่า 1.5 ล้านเหรียญ หุ้นส่วนของเขามีทรัพย์สินถึงมูลค่า 8.5 ล้านเหรียญ และเมื่อรวมความมั่งคั่งของบัฟเฟตต์และผ้ถือหุ้นแล้วสูงถึง 10 ล้านเหรียญ ในปี 1971 เมื่อเขาอายุ 41 ปีบัฟเฟตต์มีสินทรัพย์มูลค่า 33.6 ล้านเหรียญ และผู้ถือหุ้นมีสินทรัพย์มูลค่า 36.4 ล้านเหรียญ รวมแล้วปท่ากับ 70 ล้านเหรียญ 1982 ทรัพย์สินของบัฟเฟตต์มีมูลค่าประมาณ 372 ล้านเหรียญ และของหุ้นส่วนรวมกันประมาณ 403 ล้านเหรียญรวมทั้งสิ้นแล้วประมาณ 775 ล้านเหรียญ บัฟเฟตต์ได้รับตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีในปี 1989 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญ และผู้ถือหุ้นอีก 3.7 พันล้านเหรียญ ความมั่งคั่งโดยรวมประมาณ 7.1 พันล้านเหรียญ
ในปี 1998 บัฟเฟตต์กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและมหาเศรษฐีอันดับสองของโลกด้วย มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 33.6 พันล้านเหรียญ และทรัพย์สินหุ้นส่วนอีก 71.4 พันล้านเหรียญ รวมสินทรัพย์ก้อนโตทั้งหมดสูงถึง 105 พันล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เคยมีใครมีความมั่งคั่งสูงถึงระดับนี้โดยไม่มีการขายหุ้นบริษัท ของตนเองหรือออกสิทธิ์ในการซื้อหุ้นแก้ผู้บริหาร หรือเพิ่มเงินลงทุนหรือกว้านซื้อกระบวนการผลิตใหม่ๆหรือสิทธิบัตรหรือไม่เคย เริ่มต้นหรือเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง
ความมั่งคั่งอาจเกิดได้ 4 วิธี คือการได้รับมรดก การแต่งงาน การถูกลอตเตอรี่ หรือโดยการทำธุกิจของตัวเอง อย่างไรก็ตามการได้มาซึ่งความมั่งคั่งทั้งหมดนี้จะดำรงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อจะ ต้องเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ตลอดไปและใช้กว่าน้อยกว่ารายได้ที่สามารถหามา ได้ ความมั่งคั่งของบัฟเฟตต์ไม่ได้มาจากกองมรดก หรือการแต่งงาน หรือการถูกล็อตเตอรี่ หรือการเป็นเจ้าของธุรกิจใดๆ แต่เกิดจากการเป้นเจ้าของหลายๆธุรกิจโดยเริ่มลงทุนผ่านตลาดหุ้นจากนั้นก็ วื้อธุรกิจโดยตรงทั้งงธุรกิจ ดังที่คุณได้เรียนรู้ว่า วอเร็น บัฟเฟตต์มักจะใช้จ่ายน้อยกว่าระดับรายได้ของเขาเสมอ และไม่เคยหยุดที่จะทำให้ความมั่งคั่งของหุ้นส่วนและขอตนเองเพิ่มขึ้น เขายังสะสมความมั่งคั่งส่วนตัวมากกว่า 100 พันล้านเหรียญ และหลังจากที่เขาและภรรยาเสียชีวิต มูลนิธิของเขาจะได้รับเงินบริจาคปีละกว่า 5 พันล้านเหรียญตลอดไป
เบร์กไซร์ฮาธาเวย์ บริษัทแม่หรือบริษัทโฮลดิ้งของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ลงทุนในธุรกิจมากมายและกระจายไปในอุสาหกรรมต่างๆมากกว่ากิจการขนาดใหญ่อื่นๆ ทั้งที่บริษัทเอกชน แต่จะไม่มีประธานหรือรองประธานกรรมการที่รับผิดชอบธุรกิจนั้นๆโดยตรงกิจการ ขนาดใหญ่ของบัฟเฟตต์มีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร
วอเร็นแตกต่างจากบุคลลที่ร่ำรวยอื่นๆใน 400 ลำดับมหาเศรษฐีที่จัดในนิตยสาร ฟอร์บ เขาเป็นมหาเศาษฐีที่ไม่ได้เกิดจากกองมรดก หรือจากการแต่งงาน หรือถูกลอตเตอรี่ หรือสร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจของตัวเอง วอเร็นไม่เคยแม้แต่จะคิดค้นวิธีการหรือหลักการลงทุนใหม่ๆ หลักการลงทุนของเขาเรียนมาจากอาจารย์และนายจ้าง คือคุณพ่อของเขา (สมาชิกรัฐสภาอเมริกันและนายหน้าค้าหุ้นที่โอมาฮา)และอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ของเขา ความสำเร็จในธุรกิจและการลงทุนที่ยอดเยี่ยมของเขาไม่ได้เกิดจากสิ่งประดิษฐ์ หรืออวิธีการใดๆ แต่เกิดจากการยึดมั่นในการนำหลักการลงทุนเน้นคุณค่าแบบดั้งเดิมมาปรับใช้
ทักษะ พรรวรรค์ และความเชี่ยวชาญของบัฟเฟตต์ คือการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของธุรกิจ การเรียนรู้คุณค่าของผู้บริหาร (หรือความบกพร่อง)การซื้อธุรกิจในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า และการจูงใจและเก็บรักษาผู้บริหารที่มีความสามารถจากนั้นจังโยกย้ายเงินลง ทุนส่วนเกินเพื่อให้เกิดผลผลิตเพิ่มขึ้นและจำทำซ้ำๆเป็นวงจร ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด คุณเองก็สามสารถจะสร้างความมั่งคั่งได้เช่นเดียวกัน หากคุณตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตต่ำกว่าระดับรายได้ของคุณ เรียนรู้และทำตามวิธีการของเขา แน่นอนมันอาจจะไม่ใช่หลักการและวิธีการปฏิบัติของเขาเสียทีเดียว แต่เป็นการสอนและตัวอย่างง่ายๆของคุณพ่อของเขา และอาจารย์ในมหาวิทยาลัย

ขอขอบคุณที่มา >> จากหนังสือ มั่งคั่งอย่าง วอเร็น บัฟเฟตต์
ผู้เขียน Robert P. Miles ผู้แปล ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment